About Me !
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553
ชีวิตเด็กเรียน
เบื่อเรียน เบื่อไม่ได้เที่ยว ไม่มีคาบว่าง ไม่ได้ไปกับเพื่อนเก่า ไม่ค่อยได้หัวเราะ
แต่ ลำบากวันนี้เพื่อวันหน้า เยสสสสสส
วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553
มหาเวชสันดรชาดก
"มหาเวสสันดรชาดก" อ.อมรา วิชาไทย
1. กัณฑ์ทศพร เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วเสด็จไปเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ต่อจากนั้นเสด็จไปโปรดพุทธบิาและพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ เกิดฝนโบกขรพรรษ พระสงค์สาวกกราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงเรื่องมหาเวสสันดรชาดก เริ่มตั้งแต่เมื่อกัปที่ 98 นับแต่ปัจจุบัน พระนางผุสดีซึ้งจะทรงเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร ทรงอธิษฐานขอเป็นมารดาของผู้มีใจบุญจบลงตอนพระนางได้รับพร 10 ประการจากพระอินทร์ อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีที่เป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ บุรุษจะได้ภรรยาเป็นที่ต้องประสงค์อีกเช่นเดียวกันจะได้บุตรหญิงชายเป็นคนว่านอนสอนง่าย มีรูปร่างที่งดงาม มีความประพฤติดีกริยาเรียบร้อย2. กัณฑ์หิมพานต์ พระเวสสันดรทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสัญชัยกับพระนางผุสดี แห่งแคว้นสีวีราษฎร์ประสูติที่ตรอกพ่อค้า เมื่อพระเวสสันดรได้รับเวนราชสมบัติจากพระบิดา ได้พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่กษัตริย์แคว้นกลิงคราชฎร์ ประชาชนไม่พอใจ พระเวสสันดรจึงถูกพระราชบิดาเนรเทศไปอยู่ป่าหิมพานต์ อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ย่อมได้สิ่งที่ปรารถนาทุกประการ ครั้นตายแล้วได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เสวยสมบัติอันมโหฬาร มีบริวารแวดล้อมบำรุงบำเรออยู่เป็นนิตย์จุติจากสวรรค์แล้ว จะลงมาเกิดในตระกูลขัตติยะมหาศาลหรือตระกูลพราหมณ์มหาศาลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคารบริวารมากมายนานาประการจะประมาณมิได้ ประกอบด้วยการสบายใจทุกอิริยาบถ 3. กัณฑ์ทานกัณฑ์ ก่อนเสด็จไปอยู่ป่า พระเวสสันดรได้พระราชทานสัตสดก มหาทาน คือช้าง ม้า รถ ทาสชาย ทาสหญิง โคนม และ นางสนม อย่างละ 700 อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวยนเงินทองทาส ทาสี และสัตว์ 2 เท้า 4 เท้า ครั้นตายแล้วจะได้ไปเกิดในฉกาพจรสวรรค์มีนางเทพอัปสรแวดล้อมมากมายเสวยสุขในปราสาทแล้วด้วยแก้ว 7 ประการ4. กัณฑ์วนปเวสน์ พระเวสสันดรทรงพระนางมัทรีและพระชาลี ( โอรส ) พระกัณหา (ธิดา ) เสด็จจากเมืองผ่านแคว้น เจตราษฎร์ จนเสด็จถึงเขาวงกตในป่าหิมพานต์ อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้รับความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้าจะได้เป็นบรมกษัตริย์ในชมพูทวีป เป็นผู้ทรงปรีชาเฉลียวฉลาดสามาร๔ปราบอริราชศัตรูให้ย่อยยับไป5. กัณฑ์ชูชก ชูชกพราหมณ์ ขอทานได้นางอมิตตาบุตรสาวของเพื่อนเป็นภรรยา นางใช้ให้ชูชกไปของสองกุมาร ชูชกเดินทางไปสืบข่าวในแคว้นสีวีราษฎณ์ สามารถหลบหลีกการทำร้ายของชาวเมือง พบพรานเจตบุตรลวงพรานเจตบุตรให้บอกทางไปยังเขาวงกต อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริยบ์ ประกอบด้วยสมบัติอันงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะเจรจาปราศรัยก็ไพเราะเสนาะโสต แม้จะได้สามีภรรยา และบุตรธิดาก็ล้วนแต่มีรูปทรงงดงามสอนง่าย6. กัณฑ์จุลพน ชูชกเดินทางผ่านป่าตามเส้นทางที่เจตบุตรแนะจนถึงที่อยู่ของอัจจุตฤาษี อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ แม้จะบังเกิดในปรภพใดๆจะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวาร จะมีอุทยานอันดารดาษด้วยไม้หอมตรลบไป แล้วจะมีสระโบกขรณีอันเต็มไปด้วยประทุมชาติ ครั้นตายไปแล้วก็ได้เสวยทิพยสมบัติในโลกหน้าสืบต่อไป7. กัณฑ์มหาพน ชูชกลวงอัจจุตฤาษี ให้บอกทางผ่านป่าไม้ใหญ่ไปยังที่ประทับของพระเวสสันดร อานิสงค์ของผ้บูชากัณฑ์นี้คือ จะเสวยสมบัติใดในดาวดึงส์เทวโลกนั้นแล้ว จะได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์ศฤงคารบริวารมากมี อุทยานและสระโบกขรณีที่เป็นประพาส เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยด้วยศักดานุภาพเฟื่องฟุ้งไปทั่วชมพูทวีป อีกทั้งจักได้เสวยอาหารทิพย์เป็นนิตย์นิรันดร8. กัณฑ์กุมาร ชูชกทูลขอสองกุมาร ทุบตีสองกุมารเฉพาะพระพักตร์พระเวสสันดร แล้วพาออกเดินทาง อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ย่อมประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ครั้นตายไปแล้วได้เกิดในฉกามาพจรสวรรค์ในสมัยที่พระศรีอาริยาเมตไตรมาอุบัติก็จะได้พบศาสนาของพระองค์ จะได้ถือปฏิสนธิในตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ แล้วบรรลุพระอรหัตตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง 4 ด้วยบุญราศีที่ได้อบรมไว้9. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเสด็จกลับจากหาผลไม้ในป่าออกติดตสมสองกุมารตลอดทั้งคืน จนถึงทรงงิสัญญี ( สลบ ) เฉพาะพระพักตร์พระเวสสันดร เมื่อทรงฟื้นแล้วพระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงเกี่ยวกับสองพระกุมาร พระนางทรงอนุโมทธนาด้วย อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ เกิดในโลกหน้าจะเป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติเป็นผู้มีอายุยืนยาวทั้งประกอบด้วยรูปโฉมงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะไปในที่ใดๆก็จะมีแต่ความสุขทุกแห่งหน 10. กัณฑ์สักกบรรณ พระอินทร์พระเกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรีจึงแปลงเป็นพราหมณ์ชรามาทูลขอพระนางมัทรีแล้วฝากไว้กับพระเวสสันดร อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะเป็นผ้ที่เจริญด้วยลาภยศตลอดจนจตุรพิธพรทั้ง 4 คืออายุวรรณธ สุขะ พละ ตลอดกาล 11. กัณฑ์มหาราช ชูชกเดินทางเข้าไปแคว้นสีวีราษร์ พระสัญชัย ทรงไถ่สองกุมาร ชูชกได้รับพระรายชทานเลี้บง และ ถึงแก่กรรมด้วยกินอาหารมากเกินควร อานิสงค์ขชองผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้มนุษสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติเมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะได้เป็นพระราชาเมื่อจากโลกมนุษย์ไปก็จะไปเสวยทิพยืสมบัติ ในฉกามาพจรสวรรค์มีนางเทพอัปสรเป้นบริวาร ครั้นบารมีแก่กล้าก็จะได้นิพพานสมบัติอันตัดเสียซึ้งชาติ ชรา พยา มรณธ พ้นจากโอฆะทั้งสามมีกาโมฆะ เป็นต้น12. กัณฑ์ฉกษัตริย์ กษัตริย์แคว้นถลิงราชย์ทรงคืนช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระชาลี พระกัณหา เสด็จไปทูลเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรีกลับพระนคร เมื่อกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ทรงพบกันก็ทรงวิสัญญี ต่อมาฝนโบกขรพรรษตกจึงทรงฟื้นขึ้น อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้เป็นผู้ที่เจริญด้วยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆชาติแล13. กัณฑ์นครกัณฑ์ กษัตริย์หกพระองค์เสด็จกลับพระนคร พระเวสสันดรได้ครองราชย์ดังเดิม บ้านเมืองสมบูรณ์พูนสุข อาณิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้ยวงคาคณาญาติข้าทาสชาย-หญิง ธิดา สามี หรือบิดามารดา เป็นต้นอยู่พร้อมหน้ากันด้วยความผาสุก ปราศจากดรคาพาธทั้งปวง จะทำการใดๆก็พร้อมเพียงกันยังการงานนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
1. กัณฑ์ทศพร เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วเสด็จไปเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ต่อจากนั้นเสด็จไปโปรดพุทธบิาและพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ เกิดฝนโบกขรพรรษ พระสงค์สาวกกราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงเรื่องมหาเวสสันดรชาดก เริ่มตั้งแต่เมื่อกัปที่ 98 นับแต่ปัจจุบัน พระนางผุสดีซึ้งจะทรงเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร ทรงอธิษฐานขอเป็นมารดาของผู้มีใจบุญจบลงตอนพระนางได้รับพร 10 ประการจากพระอินทร์ อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีที่เป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ บุรุษจะได้ภรรยาเป็นที่ต้องประสงค์อีกเช่นเดียวกันจะได้บุตรหญิงชายเป็นคนว่านอนสอนง่าย มีรูปร่างที่งดงาม มีความประพฤติดีกริยาเรียบร้อย2. กัณฑ์หิมพานต์ พระเวสสันดรทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสัญชัยกับพระนางผุสดี แห่งแคว้นสีวีราษฎร์ประสูติที่ตรอกพ่อค้า เมื่อพระเวสสันดรได้รับเวนราชสมบัติจากพระบิดา ได้พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่กษัตริย์แคว้นกลิงคราชฎร์ ประชาชนไม่พอใจ พระเวสสันดรจึงถูกพระราชบิดาเนรเทศไปอยู่ป่าหิมพานต์ อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ย่อมได้สิ่งที่ปรารถนาทุกประการ ครั้นตายแล้วได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เสวยสมบัติอันมโหฬาร มีบริวารแวดล้อมบำรุงบำเรออยู่เป็นนิตย์จุติจากสวรรค์แล้ว จะลงมาเกิดในตระกูลขัตติยะมหาศาลหรือตระกูลพราหมณ์มหาศาลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคารบริวารมากมายนานาประการจะประมาณมิได้ ประกอบด้วยการสบายใจทุกอิริยาบถ 3. กัณฑ์ทานกัณฑ์ ก่อนเสด็จไปอยู่ป่า พระเวสสันดรได้พระราชทานสัตสดก มหาทาน คือช้าง ม้า รถ ทาสชาย ทาสหญิง โคนม และ นางสนม อย่างละ 700 อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวยนเงินทองทาส ทาสี และสัตว์ 2 เท้า 4 เท้า ครั้นตายแล้วจะได้ไปเกิดในฉกาพจรสวรรค์มีนางเทพอัปสรแวดล้อมมากมายเสวยสุขในปราสาทแล้วด้วยแก้ว 7 ประการ4. กัณฑ์วนปเวสน์ พระเวสสันดรทรงพระนางมัทรีและพระชาลี ( โอรส ) พระกัณหา (ธิดา ) เสด็จจากเมืองผ่านแคว้น เจตราษฎร์ จนเสด็จถึงเขาวงกตในป่าหิมพานต์ อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้รับความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้าจะได้เป็นบรมกษัตริย์ในชมพูทวีป เป็นผู้ทรงปรีชาเฉลียวฉลาดสามาร๔ปราบอริราชศัตรูให้ย่อยยับไป5. กัณฑ์ชูชก ชูชกพราหมณ์ ขอทานได้นางอมิตตาบุตรสาวของเพื่อนเป็นภรรยา นางใช้ให้ชูชกไปของสองกุมาร ชูชกเดินทางไปสืบข่าวในแคว้นสีวีราษฎณ์ สามารถหลบหลีกการทำร้ายของชาวเมือง พบพรานเจตบุตรลวงพรานเจตบุตรให้บอกทางไปยังเขาวงกต อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริยบ์ ประกอบด้วยสมบัติอันงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะเจรจาปราศรัยก็ไพเราะเสนาะโสต แม้จะได้สามีภรรยา และบุตรธิดาก็ล้วนแต่มีรูปทรงงดงามสอนง่าย6. กัณฑ์จุลพน ชูชกเดินทางผ่านป่าตามเส้นทางที่เจตบุตรแนะจนถึงที่อยู่ของอัจจุตฤาษี อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ แม้จะบังเกิดในปรภพใดๆจะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวาร จะมีอุทยานอันดารดาษด้วยไม้หอมตรลบไป แล้วจะมีสระโบกขรณีอันเต็มไปด้วยประทุมชาติ ครั้นตายไปแล้วก็ได้เสวยทิพยสมบัติในโลกหน้าสืบต่อไป7. กัณฑ์มหาพน ชูชกลวงอัจจุตฤาษี ให้บอกทางผ่านป่าไม้ใหญ่ไปยังที่ประทับของพระเวสสันดร อานิสงค์ของผ้บูชากัณฑ์นี้คือ จะเสวยสมบัติใดในดาวดึงส์เทวโลกนั้นแล้ว จะได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์ศฤงคารบริวารมากมี อุทยานและสระโบกขรณีที่เป็นประพาส เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยด้วยศักดานุภาพเฟื่องฟุ้งไปทั่วชมพูทวีป อีกทั้งจักได้เสวยอาหารทิพย์เป็นนิตย์นิรันดร8. กัณฑ์กุมาร ชูชกทูลขอสองกุมาร ทุบตีสองกุมารเฉพาะพระพักตร์พระเวสสันดร แล้วพาออกเดินทาง อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ ย่อมประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ครั้นตายไปแล้วได้เกิดในฉกามาพจรสวรรค์ในสมัยที่พระศรีอาริยาเมตไตรมาอุบัติก็จะได้พบศาสนาของพระองค์ จะได้ถือปฏิสนธิในตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ แล้วบรรลุพระอรหัตตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง 4 ด้วยบุญราศีที่ได้อบรมไว้9. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเสด็จกลับจากหาผลไม้ในป่าออกติดตสมสองกุมารตลอดทั้งคืน จนถึงทรงงิสัญญี ( สลบ ) เฉพาะพระพักตร์พระเวสสันดร เมื่อทรงฟื้นแล้วพระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงเกี่ยวกับสองพระกุมาร พระนางทรงอนุโมทธนาด้วย อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ เกิดในโลกหน้าจะเป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติเป็นผู้มีอายุยืนยาวทั้งประกอบด้วยรูปโฉมงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะไปในที่ใดๆก็จะมีแต่ความสุขทุกแห่งหน 10. กัณฑ์สักกบรรณ พระอินทร์พระเกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรีจึงแปลงเป็นพราหมณ์ชรามาทูลขอพระนางมัทรีแล้วฝากไว้กับพระเวสสันดร อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะเป็นผ้ที่เจริญด้วยลาภยศตลอดจนจตุรพิธพรทั้ง 4 คืออายุวรรณธ สุขะ พละ ตลอดกาล 11. กัณฑ์มหาราช ชูชกเดินทางเข้าไปแคว้นสีวีราษร์ พระสัญชัย ทรงไถ่สองกุมาร ชูชกได้รับพระรายชทานเลี้บง และ ถึงแก่กรรมด้วยกินอาหารมากเกินควร อานิสงค์ขชองผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้มนุษสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติเมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะได้เป็นพระราชาเมื่อจากโลกมนุษย์ไปก็จะไปเสวยทิพยืสมบัติ ในฉกามาพจรสวรรค์มีนางเทพอัปสรเป้นบริวาร ครั้นบารมีแก่กล้าก็จะได้นิพพานสมบัติอันตัดเสียซึ้งชาติ ชรา พยา มรณธ พ้นจากโอฆะทั้งสามมีกาโมฆะ เป็นต้น12. กัณฑ์ฉกษัตริย์ กษัตริย์แคว้นถลิงราชย์ทรงคืนช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระชาลี พระกัณหา เสด็จไปทูลเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรีกลับพระนคร เมื่อกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ทรงพบกันก็ทรงวิสัญญี ต่อมาฝนโบกขรพรรษตกจึงทรงฟื้นขึ้น อานิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้เป็นผู้ที่เจริญด้วยพร 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆชาติแล13. กัณฑ์นครกัณฑ์ กษัตริย์หกพระองค์เสด็จกลับพระนคร พระเวสสันดรได้ครองราชย์ดังเดิม บ้านเมืองสมบูรณ์พูนสุข อาณิสงค์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้ยวงคาคณาญาติข้าทาสชาย-หญิง ธิดา สามี หรือบิดามารดา เป็นต้นอยู่พร้อมหน้ากันด้วยความผาสุก ปราศจากดรคาพาธทั้งปวง จะทำการใดๆก็พร้อมเพียงกันยังการงานนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ปุลากง
เรื่องย่อ : ปุลากง
เข้ม ( ศกร ) เป็นเด็กชายวัย 14 ปี รูปร่างผอมสูง มีนิสัยเจ้าอารมณ์ เข้มเป็นลูกของนางแพงศรี กับคุณอรรถ ซึ่งคุณอรรถมีภรรยาหลวงอยู่แล้วคือคุณฉะอ้อน และมีลูกกับคุณฉะอ้อนถึง 4 คน คือคุณปุ้ม หรือคุณอัมพิกา อายุ 18 ปี แต่พิการเป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก คุณอดิศรลูกชายคนที่ 2 คุณอนันต์ ลูกคนที่ 3 และคุณอรนุช ลูกสาวคนสุดท้อง ซึ่งเกิดพร้อมกับเข้ม เข้มเรียกคุณอัมพิกาว่าพี่เพียงคนเดียว เพราะเธอเป็นคนใจดี คุณปุ้มเรียนเปียโนกับคุณพิรุณ ครูสอนซึ่งเป็นหม้าย สามีเป็นนายทหารแต่เสียชีวิตในสงคราม ครูพิรุณทำงานหาเลี้ยงตัวเองกับหนูตุ่น ( ศุภรา )
ที่เป็นลูกสาวโดยการรับจ้างสอนเปียโน เธอมีลูกศิษย์มากมาย บ้านของเธออยู่ข้างบ้านของเข้มนั่นเอง
ความที่เข้มถูกเลี้ยงดูมากอย่างลูกที่ขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความยุติธรรมจากพ่อ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เข้มกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ พูดจาห้วน และหน้าตาไม่แจ่มใส กิริยาก็ค่อนข้างกระด้าง เนื่องด้วยความที่พ่อให้การเลี้ยงดูไม่เท่าเทียมกับลูกที่เกิดจากภรรยาหลวง การขอค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างยาก การกินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน เข้มและแม่จะแยกมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กซึ่งปลูกอยู่สุดอาณาเขตของบ้าน เรื่องของอาหารการกินก็สุดแล้วแต่ทางครัวจะจัดมาให้ ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่เรือนใหญ่
ยามที่เข้มจะมาขอเงินค่าใช้จ่ายทุกครั้งก็จะถูกพ่อดุว่า โดยพ่อจะอ้างอยู่เสมอว่าให้เข้มเท่าเทียมกับลูกคุณฉะอ้อนไม่ได้ เพราทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นของคุณฉะอ้อน แม้แต่เมื่อเข้มขอเงินเพื่อซื้อไวโอลิน เพราะพ่อบอกว่า ถ้าสอบได้เกิน 80 เปอร์เซ็นต์จะให้รางวัล แต่แล้วพ่อก็ไม่ให้ เข้มเสียใจมากแต่ก็ไม่เคยร้องไห้ให้พ่อเห็น นอกจากแม่ เขาเคยถามแม่ถึงเหตุผลที่แม่ยอมเป็นภรรยาน้อยของพ่อ และจำยอมอยู่อย่างอดทน เพราะนางแพงศรีเป็นเมียน้อยแบบโบราณ ทุกอย่างในชีวิตแล้วแต่สามี มารดาของเข้มเล่าให้เขาฟังถึงความหลังว่า เป็นเมียคุณอรรถ เมื่อครั้งไปอยู่หัวเมือง จนเมื่อสามีพามากรุงเทพฯ ถึงได้ทราบว่าตนเองเป็นเมียน้อย แม้จะพอมีความรู้มีพ่อเป็นครูใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะเลือกวิถีชีวิตได้ ความเป็นหญิงไทยแบบโบราณ ทำให้เธอยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือลูก แม้ว่าสามีจะให้เอาลูกออกเธอก็ไม่ยอม แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่ความรักมากมายของแม่ ก็หล่อหลอมให้เข้มเป็นเด็กใฝ่ดี
เมื่อคราวจำเป็นต้องใช้เงินเป็นค่าเทอม เข้มจะหารายได้พิเศษโดยการรับจ้างเล่นการพนันในบ่อนของเมียตำรวจ แต่เข้มไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากคุณปุ้ม เพราะเข้มขอยืมเงินของคุณปุ้ม และสามารถหามาใช้ได้ นั่นทำให้คุณปุ้มสงสัย ในที่สุดเธอก็บอกให้คุณพ่อทราบ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เข้มและกวง เพื่อนชาวจีนของเข้ม ไปเล่นไพ่และเกิดเรื่องเจ้ามือถูกยิงตาย แต่เข้มกับกวงหนีออกมาได้ ตำรวจมาตามหาเข้มที่บ้าน แต่เกรงใจคุณอรรถจึงยอมกลับไป วันนั้นเข้มมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เพราะพ่อหาว่าเขาทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
เข้มให้สัญญากับแม่ว่าจะไม่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้อีก
ต่อมาเข้มสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ และอยู่ประจำนานๆจึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง จึงได้รู้ความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน คุณอดิศรมีลูกกับภรรยาลูกสาวแม่ค้าถึง 5 คน คุณอนันต์กำลังจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ส่วนคุณอรนุชก็สอบได้อักษรศาสตร์จุฬา เข้มได้ไปเยี่ยมกวง เขาได้รู้ว่ากวงติดยาเสพติดอย่างหนัก ด้วยความที่ถูกแม่บังคับให้ทำงานหนัก เพื่อเป็นตัวแทนของพ่อที่ตายไป กวงต้องเลี้ยงดูส่งเสียทุกคนในบ้าน เมื่อเหนื่อยและกลุ้มใจมาก ก็เข้าหายาเสพติดโดยที่คนทางบ้านไม่รู้ คิดว่ากวงป่วยเพราะผีเข้า เข้มจึงรีบนำตัวกวงส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา และสัญญาว่าเมื่อเรียนจบจะรับกวงไปอยู่ด้วยกัน
รุ่งเช้าเข้มรับกวงไปส่งที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงไปนั่งเล่นที่แถวท่าพระจันทร์ ขณะสั่งน้ำดื่มเข้มเห็นหนูตุ่นซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากับเพื่อนชาย ทำให้เข้มนึกถึงเรื่องราวในอดีตของเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งแม้โตแล้วก็ยังคงขาวผอมบาง แต่กลับดูเข้มแข็ง เขากลับถึงบ้านและเล่าให้แม่ฟัง ก็ได้รู้ว่าเพื่อนชายคนนั้น ชื่อวีรุทย์ ลูกชายนายตำรวจ บ้านอยู่ติดกับหนูตุ่น และเป็นเพื่อนสนิทของหนูตุ่นมาตั้งแต่เด็ก เข้มเองก็เคยพบแล้วเช่นกัน คุณอนันต์มาตามเข้มไปพบคุณพ่อ เข้มก็ยังคงห่างเหินกับพ่อไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่คุณอรรถไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเข้มจึงหยิ่งและห่างเหินกับพ่อนัก แต่สำหรับเข้ม นานวันความรู้สึกกลับยิ่งฝังลึก เข้มจึงปฏิเสธความช่วยเหลือทุกประการเกี่ยวกับหน้าที่การงานที่พ่อหยิบยื่นให้ พ่อบอกว่าแม่ของเขาขอร้องให้พ่อช่วยให้เข้มได้เป็นตำรวจอยู่ในกรุงเทพฯเมื่อเรียนจบ แต่เข้มกลับปฏิเสธพร้อมตอบว่า ตนต้องการจะไปทำงานยังต่างจังหวัด
หลังเรียนจบ กลุ่มเพื่อนพากันไปฉลองตามแบบของพวกผู้ชาย เพื่อนเข้าใจเข้มจึงให้เลือกเฟ้นผู้หญิงให้เข้ม แต่เขาปฏิเสธ เพราะเขามีความรู้สึกฝังลึก เรื่องแม่ซึ่งถูกกระทำไม่ผิดอะไรกับนางบำเรอเช่นกันมาตั้งแต่เขายังเด็ก เข้มเคยคิดว่าหากเขามีครอบครัว เขาจะรักลูกเมียและจะไม่ทำให้เสียใจดังเช่นที่ตนเคยได้รับจากมาแล้วอย่างเด็ดขาด เพราะมนุษย์มีจิตใจ มิได้มีเพียงความต้องการแค่มีข้าวกิน ส่งเสียให้เรียน มีบ้านให้อยู่ ดังเช่นที่พ่อเข้าใจ และมักจะตอกย้ำเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ของเข้มกับพ่อจึงเป็นแค่เพียงผู้มีพระคุณแต่สายสัมพันธ์ทางใจกลับเลือนหาย เข้มปฏิเสธการรับทุนเพื่อไปศึกษาต่อด้านการสือสวนยังต่างประเทศ เพราะเขาไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่ออีก เขาหวังเพียงแค่เรียนจบ แล้วออกไปทำงานยังต่างจังหวัดเพื่อให้พ้น เข้มต้องการจะพาแม่ไปจากบ้านหลังนั้นด้วย แต่แม่กลับปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ถึงอย่างไรแม่ก็รักพ่อ ยังเป็นเมียของพ่ออยู่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดความหยิ่งทระนงและมีความภูมิใจในบรรพบุรุษจากตา ซึ่งบรรพบุรุษของตาเคยเป็นถึงเจ้าเมือง ทำให้เข้มจดจำคำสอนของตาและยึดถือปฏิบัติเสมอมา
ส่วนหนูตุ่นหลังจากเรียนจบสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และครุศาสตร์ภายหลังแม่เสีย เพราะถูกรถชน หนูตุ่นตัดสินใจไปเป็นนักพัฒนากร ตามคำชวนของวีรุทย์ ยังตำบลปุลากง อำเภอยะหริ่ง ส่วนวีรุทย์อยู่ที่อำเภอมายอ โดยบ้านก็ให้เช่าไป ปุลากงเป็นตำบลที่เป็นชุมชนของไทยอิสลาม พูดภาษามลายูทั้งหมู่บ้าน มีคนพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ประชาชนมีอาชีพทำนา ไม่มีร้านค้า ทั้งตำบลมีโรงเรียนเดียว ทางด้านอนามัยไม่มีส้วม เด็กเป็นโรคหิดและโรคผิวหนังมากที่สุด หนูตุ่นต้องเตรียมตัวอย่างมากโดยเฉพาะด้านภาษา เพื่อเตรียมตัวให้เข้ากับชาวบ้านให้ได้มากที่สุด สิ่งที่เธอได้รับมิใช่เงินเดือนซึ่งเป็นค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด แต่เป็นความภาคภูมิใจที่ได้และมีส่วนเป็นบุคคลที่มีค่าในวงสังคมเพื่อนร่วมชาติ
ก่อนจะมาส่งหนูตุ่นที่ปุลากง วีรุทย์ขอเลี้ยงส่งกันเพียงลำพังและได้พูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัว ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่ายังไม่มีคนรัก เพราะคนรอบข้างต่างคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน เนื่องมาจากเห็นความสนิทสนมตั้งแต่เด็ก ทั้งๆที่ความจริงแล้วทั้งสองเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทกันมากที่สุดเท่านั้น
เมื่อศุภรา ( หนูตุ่น ) มาถึงปุลากง ก็ได้เข้าพักที่บ้านครูใหญ่และได้สนิทสนมกับคอดีเยาะลูกสาวของครูใหญ่ คอดีเยาะพาครูคนใหม่ไปแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก และไปโรงเรียนปาโฮะกาเยาะกัน ศุภราส่งข่าวให้หัวหน้าศูนย์พัฒนาอำเถอทราบถึงผลงานที่ชาวบ้านประชุมตกลงร่วมมือร่วมใจจะซ่อมถนนจากหมู่บ้านปุลากงไปยังโรงเรียน วันรุ่งขึ้นงานซ่อมถนนก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงบ่ายคณะเจ้าหน้าที่ตามครูใหญ่มาเยี่ยมปุลากง มีนายอำเภอ หัวหน้าศูนย์ฯ และร้อยตำรวจเอกศกร ( เข้ม ) ซึ่งเพิ่งย้ายมาประจำที่ยะหริ่งได้ 6 เดือน
เมื่อได้รับการแนะนำศุภราจึงจำได้เข้มได้ว่าเป็นคนข้างบ้านเก่านั่งเอง ช่วงเย็นชาวบ้านกินอาหารร่วมกันที่กลางนา โดยนางหะวอ เมียครูใหญ่และพวกผู้หญิงช่วยกันทำอาหาร กลุ่มเจ้าหน้าที่ร่วมรับประทานด้วย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน ศุภราได้รับคำชมเรื่องการทำงานได้ดี เธอจึงปรึกษาหัวหน้าศูนย์ฯ เรื่องขอทุนการศึกษา เพื่อที่จะขอให้กับนะพี เด็กกำพร้าพ่อแม่ถูกฆ่าตาย ผู้ใหญ่บ้านจึงเลี้ยงไว้ นะพีเป็นเด็กฉลาดเรียนเก่ง และอีกทุนจะขอให้คอดีเยาะ หัวหน้าศูนย์ฯเห็นด้วย แต่ขอให้ดูให้ดี ให้เลือกคนที่จะทำประโยชน์ให้กับชุมชนจริง เพราะบางคนได้รับทุนมีการศึกษาและกลับทิ้งถิ่น ตอนเย็นหลังอาหารแล้วชาวบ้านก็มีการแสดงการชนวัวให้ดู
วีรุทย์ได้มาเยี่ยมศุภราจึงได้พบกับเข้ม วีรุทย์ชื่นชมเข้มที่เป็นตำรวจที่ดี ซึ่งหายาก
หลังจากงานซ่อมถนนเสร็จ หนูตุ่นสอนให้นักเรียนกำจัดเหา และตระเตรียมการสร้างส้วมประจำโรงเรียน
นะพีหายไปตอนครูใหญ่มาบอกข่าวเรื่องจะมีโจรผ่านมาทางหมู่บ้านให้ทุกคนระวังตัว ตอนค่ำมีตำรวจมาลาดตระเวน ครั้งตกดึกก็มีการยิงปะทะกัน หลังจากเสียงปืนสงบ เข้มมาขอพักที่บ้านครูใหญ่ เพราะมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ เข้มขอให้หนูตุ่นทำแผลให้ที่แขน พร้อมเล่าเรื่องโจรให้ฟัง ก่อนจะขอให้ครูใหญ่ให้ความร่วมมือหากพบสมุนโจรที่กลับใจส่งข่าวให้ตำรวจซึ่งยังกบดานอยู่แถวนี้ เข้มมั่นใจว่ากลุ่มโจรจะต้องกลับมาอีก เพื่อตามล้างแค้นการีมสมุนโจรคนนั้น
รุ่งขึ้นตำรวจพานะพีมาส่ง นะพีจึงเล่าให้ฟังเรื่องสมุนโจรที่พบและให้เขานำข่าวมาบอกตำรวจ หลังจากเหตุการณ์สงบลง หนูตุ่นเริ่มงานสร้างส้วมโรงเรียนและได้ข่าวจะมีคนมาช่วย ซึ่งเป็นชาวบ้านแถบนี้ ชื่อมัยมูเนาะ เป็นลูกสาวกำนันชาวไทยอิสลาม ตกเย็นหลังเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน หนูตุ่น นะพี คอดีเยาะ ได้พบกับสมุนโจรถูกยิงบาดเจ็บ นะพีบอกว่าเขาชื่อการีม เป็นสมุนโจรที่ถูกตามล่า การีมของความช่วยเหลือจากหนูตุ่น และขออย่าให้บอกตำรวจเพราะเขาจะถูกกลุ่มโจรฆ่าตายก่อนที่ตำรวจจะพบ หนูตุ่นจำเป็นต้องช่วยเหลือการีมเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม และตั้งใจว่าจะแจ้งให้ตำรวจทราบในภายหลัง
สามวันต่อมาอาการของการีมดีขึ้น หนูตุ่นตั้งใจจะให้เขาเข้าหมู่บ้านและรับการรักษาจากอนามัย ซึ่งจะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านพรุ่งนี้เช้า การีมเล่าอดีตของเขาให้เธอฟัง ... เขาเป็นไทยพุทธชื่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักเรียนเตรียมอุดม มีเพื่อนสนิทชื่อสุไลมาน ซึ่งหน้าตาคล้ายกับเขามาก ต่อมาเขาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนได้ 2 ปี ทางบ้านเกิดปัญหาพ่อมีเมียน้อย แม่ตรอมใจตาย เขาจึงเลิกเรียนและได้พบกับสุไลมานที่ยะลา สุไลมานชวนให้เขามาทำงานด้วย แต่เมื่อเข้าไปทำงานด้วยแล้วจึงรู้ว่าสุไลมานเป็นโจร เพราะต้องการแก้แค้นให้พ่อที่ถูกฆ่าตาย ตอนแรกเขาก็เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อน แต่ต่อมาเพื่อนของเขาเปลี่ยนไปโหดร้ายขึ้น เขาจึงพยายามหนีแต่ก็ถูกตามจับได้ ภายหลังสุไลมานสลักชื่อสุไลมานไว้ที่ข้อมือของเขา เพื่อหลอกลวงให้เขาถูกฆ่าตาย ตำรวจจะได้เข้าใจว่าเป็นศพของสุไลมาน
ขณะที่เล่าเรื่องสุไลมานกับพวกตามมาพบ และจับตัวการีมกับหนูตุ่นไป ส่วนนะพีหลบอยู่ใต้แคร่จึงลอดไปได้ สุไลมานจะฆ่าการีมกับหนูตุ่นที่ชายน้ำ การีมให้เธอดำน้ำหนีไป พอดีกับที่ตำรวจล้อมจับและช่วยศุภราไว้ได้ หลังจากเหตุการณ์สงบ เข้มต่อว่าหนูตุ่นเรื่องทำเกินหน้าที่ให้ความช่วยเหลือสมุนโจร จึงทำให้เหตุการณ์ต่างๆเลวร้ายลง กว่าจะฆ่าหัวหน้าโจรสุไลมานลงได้ เข้มต้องเสียตำรวจไปถึง 3 คน ครอบครัวลูกเมียของตำรวจเหล่านั้นต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดหัวหน้าครอบครัว หนูตุ่นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเจ็บใจที่เข้มต่อว่าเธออย่างรุนแรง แต่เธอมิได้รู้ว่าหลังจากเข้มส่งเธอถึงหมู่บ้านแล้ว ก็ยังเฝ้าดูอยู่อย่างห่วงใย ขณะที่นางหะวอจัดการอาบน้ำทำความสะอาดให้เธอ
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 วัน ศุภราเตรียมเก็บของเพราะคิดว่าตำรวจจะต้องรายงานให้หัวหน้าศูนย์ฯทราบถึงการกระทำของเธอ และคงจะต้องถูกคำสั่งย้ายอย่างแน่นอน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ศุภราจึงทำงานของเธอต่อไป โดยมีมัยมูเนาะ ครูคนใหม่เป็นผู้ช่วย วีรุทย์มาเยี่ยมเธอและเล่าถึงเหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ลงเรื่องสมุนโจรกลับใจเข้ามอบตัวและเข้มได้รับการเลื่อนยศจากการปราบปรามโจร ศุภราจึงได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือการีมยังไม่ตาย โดยไม่มีใครกล่าวถึงแม้แต่วีรุทย์ก็ยังไม่รู้ ตัวเขาชอบพอมูเนาะ จึงไปมาหาสู่งปุลากงบ่อยขึ้น
ศักดิ์สิทธิ์กลับมาขออยู่ที่ปุลากง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านครูใหญ่เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวบ้าน เพราะเคยช่วยเด็กหญิงที่ถูกโจรจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อยากลับไปหาพ่อที่ภูเก็ตจึงขออาศัยอยู่ที่หมู่บ้านป่าลีซึ่งเป็นไทยพุทธ เข้มได้พบกับวีรุทย์และมูเนาะ จึงได้รู้เรื่องความเป็นไปที่ปุลากง เรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากพบพ่อที่ภูเก็ตแล้ว แม้พ่อจะยกมรดกให้ แต่เขากลับปฏิเสธและขอกลับมาอยู่ที่ปุลากง โดยทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสอนภาษาไทยให้กับชาวบ้าน ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ชวนศุภราไปภูเก็ต และอยากให้อยู่สอนหนังสือที่ภูเก็ต เข้มถึงกับรีบเข้าปุลากงทันที โดยที่เข้มเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองว่าเพราะเหตุใดจะต้องสบายใจเมื่อรู้ว่า วีรุทย์มิได้เป็นคนรักของศุภรา อย่างที่ใครๆเข้าใจกันมาโดยตลอด
เมื่อมาถึงปุลากง เข้มเตือนศุภราเรื่องให้ระวังศักดิ์สิทธิ์ และบอกให้เธอรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นรักเธอ ซึ่งเธอเองแม้จะปฏิเสธคำบอกเล่าของเข้ม แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาบอกเป็นความจริง คืนนั้นเข้มขอค้างที่บ้านครูใหญ่ด้วยเพราะเย็นมากแล้ว เข้มเป็นไข้ศุภราจึงนำยาและผ้าห่มมาให้ เขานึกถึงความรู้สึกที่มีต่อศุภรา แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อแม่ทำให้ความทุกข์ทางใจของแม่มีอิทธิพลเป็นแผลเกาะกินใจเขาตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลการกระทำอันคาดไม่ถึงของผู้ใหญ่
รุ่งเช้าวีรุทย์กลับมาเล่าถึงความสัมพันธ์ของตนกับมูเนาะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่คือเรื่องศาสนา และตัวเขาเองกำลังจะย้ายไปเป็นพัฒนากรในท้องถิ่นที่มี ผกค. ( ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ) จึงขอฝากให้ศุภราดูแลมูเนาะให้ ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากอำเภอส่งข่าวเรื่องทุนของนะพี และมอบบัตรเชิญร่วมงานชาวชมรมธรรมศาสตร์ปัตตานีให้ศุภรา เธอชวนศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมงานด้วย แต่เขากลับปฏิเสธ เมื่อวีรุทย์อ่านกำหนดการความรู้สึกของศักดิ์สิทธิ์จึงเหมือนหนามแหลมทิ่งแทงหัวใจ ถ้าเขามีสติสักนิดในวันนั้น คงไม่ต้องชอกช้ำเช่นนี้
ศักดิ์สิทธิ์ทวงถามเรื่องอยากให้ศุภราไปเที่ยวบ้านที่ภูเก็ต เพราะพ่อของเขาอยากพบเธอมาก เขาเล่าให้ท่านฟังถึงเรื่องความช่วยเหลือต่างๆที่เธอมีต่อเขาและให้กำลังใจเขาเสมอมา เธอจึงรับปากหากว่าวีรุทย์และมูเนาะจะไปด้วย ศักดิ์สิทธิ์ระบายความในใจที่มีต่อเธอออกมา เธอรู้ทั้งรู้ว่า ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาแต่งงานกับอดีตสมุนโจรสุไลมาน เด็กๆจัดงานเลี้ยงส่งนะพีที่จะได้เข้าไปเรียนในจังหวัด ขณะช่วยเด็กๆแล่เนื้อเพื่อย่าง ศุภราถูกตัวต่อกัด แต่เธอก็ยังคงสอนหนังสือตามปกติ จนเกิดอาการปวดกำเริบมากขึ้นจนเป็นไข้ ศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าที่พยาบาลอย่างห่วงใย จนรุ่งเช้าครูใหญ่จึงไปตามหมอพร้อมกับแขกติดตามมาด้วยคือเข้ม ซึ่งเมื่อเห็นศักดิ์สิทธิ์พยาบาลศุภราความไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้น และเขาก็ได้เห็นว่าชาวบ้านนั้นรักและห่วงใยศุภรามากแค่ไหน
ในวันงานหนูตุ่นได้พบกับเข้ม เขาถามถึงเรื่องไปภูเก็ตและบอกว่าไม่เหมาะสมไม่อยากให้เธอไป แต่เธอกลับมองว่าเข้มมองศักดิ์สิทธิ์ในแง่ร้ายเกินไป พร้อมว่าเข้มเรื่องการทำงานหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เป็นคนที่เคยมีเรื่องทรมานทางด้านความรู้สึกทำเพื่อชดเชยอะไรบางอย่าง คำพูดของเธอทำให้เข้มโกรธเพราะไปสะกิดแผลในใจของเขา
ศักดิ์สิทธิ์พาทุกคนมาแนะนำให้พ่อรู้จัก ศุภรา วีรุทย์ และมูเนาะได้รับการต้อนรับอย่างดี ศุภราพยายามพูดให้เขาอยู่ที่ภูเก็ต เพื่อครอบครัวเพราะเขาได้รับการต้อนรับอยางดีจากทุกคน และจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวต่อไป น้องต่างมารดาของเขานั้นพิการ ศักดิ์สิทธิ์จำยอมเพราะถึงอย่างไร่ ศุภราก็คงไม่ยอมใจอ่อนที่จะแต่งงานและอยู่กับเขาที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน
ศกรได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานลับร่วมกับตำรวจมาเลเซีย โดยทางราชการออกเป็นคำสั่งด่วนและกระจายข่าวว่า ศกรจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ ลูกน้องและชาวยะหริ่งต่างเสียดายกันมาก ก่อนรับคำสั่งเข้มรีบไปปุลากง เพื่อลาหนูตุ่น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหนูตุ่นยังไม่กลับจากภูเก็ต เขาเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของตนเองช้าไป เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกกับศุภราอีกก็ได้ เมื่อเธอกลับมาถึงปุลากงตอนเย็น จึงได้ทราบข่าวนี้จากครูใหญ่ว่าเข้มฝากมาลา ส่วนวีรุทย์ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครชุดคุ้มครองหมู่บ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสมัครไว้นานแล้วก่อนที่จะได้พบกับ
มูเนาะ จึงทำให้วีรุทย์จำเป็นต้องจากไปทั้งที่มีห่วง จึงเขียนจดหมายฝากมูเนาะและลูกในท้องไว้กับศุภรา พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานให้เรียบร้อย วีรุทย์จากไปเดือนกว่าๆ ระยะแรกก็มีจดหมายมาเสมอ แต่ระยะหลังๆ ข่าววีรุทย์หายไป มูเนาะทุกข์ใจมาก ครูใหญ่นำหนังสือพิมพ์เพื่อจะมาไว้ที่ห้องสมุดในศูนย์พัฒนาตำบลมาให้ศุภรา ทำให้ได้รู้ข่าววีรุทย์ตายจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่ลอบโจมตี มูเนาะเสียสติจากข่าวนั้น แต่ชาวบ้านทุกคนเข้าใจว่าถูกผีเข้า จึงนำตาเฒ่ามารักษาตามความเชื่อของเขา แม้ศุภราจะพยายามอธิบาย ขอให้ส่งมูเนาะรักษาในโรงพยาบาลก็ไม่เป็นผล ในที่สุดมูเนาะก็เห็นภาพหลอนว่าวีรุทย์มาเรียกให้ตามไป จึงเดินลุยน้ำจนจมน้ำถึงแก่ความตายในที่สุด เป็นการจบปัญหาทั้งมวล
คอดีเยาะได้เข้ามาเรียนที่จังหวัด ส่วนศุภราอยู่ต่อจนครบ 2 ปีก็ถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพฯ ชาวปุลากงต่างรักและอาลัยเธอเป็นอย่างมาก
หนูตุ่นเข้ามารับตำแหน่งใหม่ในกองวิชาการ มีจิตรีเพื่อนสนิทเป็นผู้จัดการเรื่องบ้านจนเรียบร้อย คุณปุ้มแวะมาเยี่ยมเธอและถามถึงเข้ม เนื่องจากเห็นว่าอยู่ภาคใต้เหมือนกัน หนูตุ่นจึงได้รู้ว่าเข้มยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯตามที่ทราบมา เพราะทางบ้านก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆมาปีกว่าแล้ว รู้เพียงว่ายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีเงินเดือนส่งมาให้ทุกเดือน หนูตุ่นได้รับคำชวนจากเพื่อนให้ไปเยี่ยมอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ จึงได้รู้ว่าเข้ม ( พันตำรวจตรีศกร ) บาดเจ็บสาหัส มาจากหน่วยปฏิบัติการร่วมพิเศษที่ชายแดนภาคใต้ และผู้เจ็บไม่ประสงค์จะแจ้งให้ทางบ้านทราบ หนูตุ่นมาเยี่ยมเข้มหลายครั้งแต่เขาหลับ จึงฝากบอกวิมลพยาบาลพิเศษไว้ อีกสองอาทิตย์เข้มอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ วิมลตามกลับไปพยาบาลดูแลถึงบ้าน เมื่อหนูตุ่นกลับจากราชการต่างจังหวัด เข้มก็มาหาถามเรื่องไปภูเก็ตกับศักดิ์สิทธิ์ และบอกเธอว่าเขาไปราชการลับ แต่ไม่พบจึงไม่ได้พบกันเลยเป็นปี เข้มชวนหนูตุ่นไปทานข้าวที่บ้าน ได้พบวิมลซึ่งอาสาทำอาหารกับมารดาของเข้มอย่างสนิทสนม หนูตุ่นจึงตั้งใจจะไม่ไปทานข้าวที่บ้านของเขาอีก
ศุภราเล่าเรื่องความในใจที่มีต่อเข้มให้จิตรีฟัง และพยายามกลับ้านค่ำโดยแวะกินข้าวกับจิตรี แต่เธอก็ทราบความเป็นไปของเข้มเพราะพบกับคุณปุ้มทุกเช้า คุณปุ้มว่าเข้มจะแต่งงานกับวิมล เพราะเห็นปรึกษากับคุณพ่อเรื่องแบ่งโฉนดที่ดิน โดยคุณพ่อจะปลูกบ้านให้ แต่เข้มปฏิเสธเพราะยังไม่ได้ปรึกษากับคู่รัก คุณพ่อจะซื้อแหวนหมั้นให้ก็ไม่เอา จะซื้อเองเป็นแหวนเพชรวงเล็กๆ ต่อมาก็เล่าว่าวิมลจะไปเรียนต่อที่อเมริกา คงจะจะตามไปแต่งงานกันที่นั่น ศุภราเห็นว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องทำใจให้สงบ เพื่อนๆแนะนำให้เธอรับทุนไปต่างประเทศ แต่เธอก็ไม่ชอบ จึงขอออกต่างจังหวัดแทน
เข้มได้รับคำสั่งให้ไปราชการลับต่างประเทศ 1 เดือน ทั้งพี่และพ่อต่างสงสัยเรื่องงานแต่งงานของเข้ม นางแพงศรีจึงถาม เข้มบอกว่าหลังจากกลับจากราชการแล้วเขาจะออกต่างจัดหวัดอีก อยากให้แม่ไปด้วย แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าทำไม่ได้ และขอให้เข้มนึกถึงบุญคุณของพ่อทำให้เข้มนึกถึงความหลังที่เป็นความทรมานฝังลึกในใจของเขาเสมอมา เมื่อแม่ถามย้ำเรื่องการแต่งงาน เข้มจึงบอกความรู้สึกที่มีต่อหนูตุ่น แม่จึงบอกให้เขาจัดการเรื่องหัวใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะสายเกินไป เข้มรู้จากคุณปุ้มว่าหนูตุ่นไปอบรมพัฒนาการที่ปัตตานี 3 เดือน จึงลางานและเดินทางไปหาเธอเพื่อบอกความในใจก่อนที่จะเดินทางไปต่าประเทศ ขณะอยู่บนรถไฟ เข้มยังนึกถึงคำพูดของบิดาก่อนจากมาว่าท่านต้องการให้เข้มย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้สะดวกสบายซึ่งใครก็อยากได้แต่เขาปฏิเสธเสมอมา ทำให้พ่อไม่เข้าใจและว่าเข้มทำตัวเป็นนักกินอุดมคติ ทั้งที่ได้ตามอุดมคติของตนเองมานานพอสมควรแล้ว และหากเข้มไม่เชื่อฟังจะไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆก็จะไม่ยอมให้เอาแม่ไปด้วย
เมื่อถึงปัตตานีเข้มพบเพื่อน ซึ่งอาสาให้ขอยืมรถใช้ เข้มรู้จากศูนย์พัฒนาว่า วันหยุดศุภราจะไปอยู่ที่ปุลากง เขาจึงรีบตามไปพบเธอที่นั่น สร้างความประหลาดใจให้กับเธอยิ่งนัก เข้มบอกว่ามาลา และมีธุระจะคุยด้วย ขอให้ศุภราเข้าเมืองไปด้วยกัน ระหว่างทางรถเกิดเสีย และเป็นเวลามืดแล้ว ศุภราเห็นกลุ่มคนเดินมาทั้งสองจึงทิ้งรถและหลบเข้าป่าข้างทาง คนกลุ่มนั้นยิงรถหลายนัดก่อนจะออกค้นหาคน แต่ไม่พบจึงเดินจากไป เข้มและศุภราจึงหลบอยู่ที่นั่น เขาบอกความในใจของตนต่อศุภราและขอเธอแต่งงานด้วย โดยที่ทั้งสองตั้งใจจะทำงานเพื่ออุดมคติ อย่างน้อยชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเป็นคน ก็ได้ทำประโยชน์เพื่อเพื่อนร่วมชาติร่วมโลกที่ใฝ่หาสันติและเสรีภาพ แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่รู้จักของใครก็ตาม ...
เข้ม ( ศกร ) เป็นเด็กชายวัย 14 ปี รูปร่างผอมสูง มีนิสัยเจ้าอารมณ์ เข้มเป็นลูกของนางแพงศรี กับคุณอรรถ ซึ่งคุณอรรถมีภรรยาหลวงอยู่แล้วคือคุณฉะอ้อน และมีลูกกับคุณฉะอ้อนถึง 4 คน คือคุณปุ้ม หรือคุณอัมพิกา อายุ 18 ปี แต่พิการเป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก คุณอดิศรลูกชายคนที่ 2 คุณอนันต์ ลูกคนที่ 3 และคุณอรนุช ลูกสาวคนสุดท้อง ซึ่งเกิดพร้อมกับเข้ม เข้มเรียกคุณอัมพิกาว่าพี่เพียงคนเดียว เพราะเธอเป็นคนใจดี คุณปุ้มเรียนเปียโนกับคุณพิรุณ ครูสอนซึ่งเป็นหม้าย สามีเป็นนายทหารแต่เสียชีวิตในสงคราม ครูพิรุณทำงานหาเลี้ยงตัวเองกับหนูตุ่น ( ศุภรา )
ที่เป็นลูกสาวโดยการรับจ้างสอนเปียโน เธอมีลูกศิษย์มากมาย บ้านของเธออยู่ข้างบ้านของเข้มนั่นเอง
ความที่เข้มถูกเลี้ยงดูมากอย่างลูกที่ขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความยุติธรรมจากพ่อ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เข้มกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ พูดจาห้วน และหน้าตาไม่แจ่มใส กิริยาก็ค่อนข้างกระด้าง เนื่องด้วยความที่พ่อให้การเลี้ยงดูไม่เท่าเทียมกับลูกที่เกิดจากภรรยาหลวง การขอค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างยาก การกินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน เข้มและแม่จะแยกมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กซึ่งปลูกอยู่สุดอาณาเขตของบ้าน เรื่องของอาหารการกินก็สุดแล้วแต่ทางครัวจะจัดมาให้ ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่เรือนใหญ่
ยามที่เข้มจะมาขอเงินค่าใช้จ่ายทุกครั้งก็จะถูกพ่อดุว่า โดยพ่อจะอ้างอยู่เสมอว่าให้เข้มเท่าเทียมกับลูกคุณฉะอ้อนไม่ได้ เพราทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นของคุณฉะอ้อน แม้แต่เมื่อเข้มขอเงินเพื่อซื้อไวโอลิน เพราะพ่อบอกว่า ถ้าสอบได้เกิน 80 เปอร์เซ็นต์จะให้รางวัล แต่แล้วพ่อก็ไม่ให้ เข้มเสียใจมากแต่ก็ไม่เคยร้องไห้ให้พ่อเห็น นอกจากแม่ เขาเคยถามแม่ถึงเหตุผลที่แม่ยอมเป็นภรรยาน้อยของพ่อ และจำยอมอยู่อย่างอดทน เพราะนางแพงศรีเป็นเมียน้อยแบบโบราณ ทุกอย่างในชีวิตแล้วแต่สามี มารดาของเข้มเล่าให้เขาฟังถึงความหลังว่า เป็นเมียคุณอรรถ เมื่อครั้งไปอยู่หัวเมือง จนเมื่อสามีพามากรุงเทพฯ ถึงได้ทราบว่าตนเองเป็นเมียน้อย แม้จะพอมีความรู้มีพ่อเป็นครูใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะเลือกวิถีชีวิตได้ ความเป็นหญิงไทยแบบโบราณ ทำให้เธอยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือลูก แม้ว่าสามีจะให้เอาลูกออกเธอก็ไม่ยอม แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่ความรักมากมายของแม่ ก็หล่อหลอมให้เข้มเป็นเด็กใฝ่ดี
เมื่อคราวจำเป็นต้องใช้เงินเป็นค่าเทอม เข้มจะหารายได้พิเศษโดยการรับจ้างเล่นการพนันในบ่อนของเมียตำรวจ แต่เข้มไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากคุณปุ้ม เพราะเข้มขอยืมเงินของคุณปุ้ม และสามารถหามาใช้ได้ นั่นทำให้คุณปุ้มสงสัย ในที่สุดเธอก็บอกให้คุณพ่อทราบ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เข้มและกวง เพื่อนชาวจีนของเข้ม ไปเล่นไพ่และเกิดเรื่องเจ้ามือถูกยิงตาย แต่เข้มกับกวงหนีออกมาได้ ตำรวจมาตามหาเข้มที่บ้าน แต่เกรงใจคุณอรรถจึงยอมกลับไป วันนั้นเข้มมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เพราะพ่อหาว่าเขาทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
เข้มให้สัญญากับแม่ว่าจะไม่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้อีก
ต่อมาเข้มสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ และอยู่ประจำนานๆจึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง จึงได้รู้ความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน คุณอดิศรมีลูกกับภรรยาลูกสาวแม่ค้าถึง 5 คน คุณอนันต์กำลังจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ส่วนคุณอรนุชก็สอบได้อักษรศาสตร์จุฬา เข้มได้ไปเยี่ยมกวง เขาได้รู้ว่ากวงติดยาเสพติดอย่างหนัก ด้วยความที่ถูกแม่บังคับให้ทำงานหนัก เพื่อเป็นตัวแทนของพ่อที่ตายไป กวงต้องเลี้ยงดูส่งเสียทุกคนในบ้าน เมื่อเหนื่อยและกลุ้มใจมาก ก็เข้าหายาเสพติดโดยที่คนทางบ้านไม่รู้ คิดว่ากวงป่วยเพราะผีเข้า เข้มจึงรีบนำตัวกวงส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา และสัญญาว่าเมื่อเรียนจบจะรับกวงไปอยู่ด้วยกัน
รุ่งเช้าเข้มรับกวงไปส่งที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงไปนั่งเล่นที่แถวท่าพระจันทร์ ขณะสั่งน้ำดื่มเข้มเห็นหนูตุ่นซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากับเพื่อนชาย ทำให้เข้มนึกถึงเรื่องราวในอดีตของเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งแม้โตแล้วก็ยังคงขาวผอมบาง แต่กลับดูเข้มแข็ง เขากลับถึงบ้านและเล่าให้แม่ฟัง ก็ได้รู้ว่าเพื่อนชายคนนั้น ชื่อวีรุทย์ ลูกชายนายตำรวจ บ้านอยู่ติดกับหนูตุ่น และเป็นเพื่อนสนิทของหนูตุ่นมาตั้งแต่เด็ก เข้มเองก็เคยพบแล้วเช่นกัน คุณอนันต์มาตามเข้มไปพบคุณพ่อ เข้มก็ยังคงห่างเหินกับพ่อไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่คุณอรรถไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเข้มจึงหยิ่งและห่างเหินกับพ่อนัก แต่สำหรับเข้ม นานวันความรู้สึกกลับยิ่งฝังลึก เข้มจึงปฏิเสธความช่วยเหลือทุกประการเกี่ยวกับหน้าที่การงานที่พ่อหยิบยื่นให้ พ่อบอกว่าแม่ของเขาขอร้องให้พ่อช่วยให้เข้มได้เป็นตำรวจอยู่ในกรุงเทพฯเมื่อเรียนจบ แต่เข้มกลับปฏิเสธพร้อมตอบว่า ตนต้องการจะไปทำงานยังต่างจังหวัด
หลังเรียนจบ กลุ่มเพื่อนพากันไปฉลองตามแบบของพวกผู้ชาย เพื่อนเข้าใจเข้มจึงให้เลือกเฟ้นผู้หญิงให้เข้ม แต่เขาปฏิเสธ เพราะเขามีความรู้สึกฝังลึก เรื่องแม่ซึ่งถูกกระทำไม่ผิดอะไรกับนางบำเรอเช่นกันมาตั้งแต่เขายังเด็ก เข้มเคยคิดว่าหากเขามีครอบครัว เขาจะรักลูกเมียและจะไม่ทำให้เสียใจดังเช่นที่ตนเคยได้รับจากมาแล้วอย่างเด็ดขาด เพราะมนุษย์มีจิตใจ มิได้มีเพียงความต้องการแค่มีข้าวกิน ส่งเสียให้เรียน มีบ้านให้อยู่ ดังเช่นที่พ่อเข้าใจ และมักจะตอกย้ำเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ของเข้มกับพ่อจึงเป็นแค่เพียงผู้มีพระคุณแต่สายสัมพันธ์ทางใจกลับเลือนหาย เข้มปฏิเสธการรับทุนเพื่อไปศึกษาต่อด้านการสือสวนยังต่างประเทศ เพราะเขาไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่ออีก เขาหวังเพียงแค่เรียนจบ แล้วออกไปทำงานยังต่างจังหวัดเพื่อให้พ้น เข้มต้องการจะพาแม่ไปจากบ้านหลังนั้นด้วย แต่แม่กลับปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ถึงอย่างไรแม่ก็รักพ่อ ยังเป็นเมียของพ่ออยู่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดความหยิ่งทระนงและมีความภูมิใจในบรรพบุรุษจากตา ซึ่งบรรพบุรุษของตาเคยเป็นถึงเจ้าเมือง ทำให้เข้มจดจำคำสอนของตาและยึดถือปฏิบัติเสมอมา
ส่วนหนูตุ่นหลังจากเรียนจบสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และครุศาสตร์ภายหลังแม่เสีย เพราะถูกรถชน หนูตุ่นตัดสินใจไปเป็นนักพัฒนากร ตามคำชวนของวีรุทย์ ยังตำบลปุลากง อำเภอยะหริ่ง ส่วนวีรุทย์อยู่ที่อำเภอมายอ โดยบ้านก็ให้เช่าไป ปุลากงเป็นตำบลที่เป็นชุมชนของไทยอิสลาม พูดภาษามลายูทั้งหมู่บ้าน มีคนพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ประชาชนมีอาชีพทำนา ไม่มีร้านค้า ทั้งตำบลมีโรงเรียนเดียว ทางด้านอนามัยไม่มีส้วม เด็กเป็นโรคหิดและโรคผิวหนังมากที่สุด หนูตุ่นต้องเตรียมตัวอย่างมากโดยเฉพาะด้านภาษา เพื่อเตรียมตัวให้เข้ากับชาวบ้านให้ได้มากที่สุด สิ่งที่เธอได้รับมิใช่เงินเดือนซึ่งเป็นค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด แต่เป็นความภาคภูมิใจที่ได้และมีส่วนเป็นบุคคลที่มีค่าในวงสังคมเพื่อนร่วมชาติ
ก่อนจะมาส่งหนูตุ่นที่ปุลากง วีรุทย์ขอเลี้ยงส่งกันเพียงลำพังและได้พูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัว ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่ายังไม่มีคนรัก เพราะคนรอบข้างต่างคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน เนื่องมาจากเห็นความสนิทสนมตั้งแต่เด็ก ทั้งๆที่ความจริงแล้วทั้งสองเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทกันมากที่สุดเท่านั้น
เมื่อศุภรา ( หนูตุ่น ) มาถึงปุลากง ก็ได้เข้าพักที่บ้านครูใหญ่และได้สนิทสนมกับคอดีเยาะลูกสาวของครูใหญ่ คอดีเยาะพาครูคนใหม่ไปแนะนำให้เพื่อนๆรู้จัก และไปโรงเรียนปาโฮะกาเยาะกัน ศุภราส่งข่าวให้หัวหน้าศูนย์พัฒนาอำเถอทราบถึงผลงานที่ชาวบ้านประชุมตกลงร่วมมือร่วมใจจะซ่อมถนนจากหมู่บ้านปุลากงไปยังโรงเรียน วันรุ่งขึ้นงานซ่อมถนนก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงบ่ายคณะเจ้าหน้าที่ตามครูใหญ่มาเยี่ยมปุลากง มีนายอำเภอ หัวหน้าศูนย์ฯ และร้อยตำรวจเอกศกร ( เข้ม ) ซึ่งเพิ่งย้ายมาประจำที่ยะหริ่งได้ 6 เดือน
เมื่อได้รับการแนะนำศุภราจึงจำได้เข้มได้ว่าเป็นคนข้างบ้านเก่านั่งเอง ช่วงเย็นชาวบ้านกินอาหารร่วมกันที่กลางนา โดยนางหะวอ เมียครูใหญ่และพวกผู้หญิงช่วยกันทำอาหาร กลุ่มเจ้าหน้าที่ร่วมรับประทานด้วย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน ศุภราได้รับคำชมเรื่องการทำงานได้ดี เธอจึงปรึกษาหัวหน้าศูนย์ฯ เรื่องขอทุนการศึกษา เพื่อที่จะขอให้กับนะพี เด็กกำพร้าพ่อแม่ถูกฆ่าตาย ผู้ใหญ่บ้านจึงเลี้ยงไว้ นะพีเป็นเด็กฉลาดเรียนเก่ง และอีกทุนจะขอให้คอดีเยาะ หัวหน้าศูนย์ฯเห็นด้วย แต่ขอให้ดูให้ดี ให้เลือกคนที่จะทำประโยชน์ให้กับชุมชนจริง เพราะบางคนได้รับทุนมีการศึกษาและกลับทิ้งถิ่น ตอนเย็นหลังอาหารแล้วชาวบ้านก็มีการแสดงการชนวัวให้ดู
วีรุทย์ได้มาเยี่ยมศุภราจึงได้พบกับเข้ม วีรุทย์ชื่นชมเข้มที่เป็นตำรวจที่ดี ซึ่งหายาก
หลังจากงานซ่อมถนนเสร็จ หนูตุ่นสอนให้นักเรียนกำจัดเหา และตระเตรียมการสร้างส้วมประจำโรงเรียน
นะพีหายไปตอนครูใหญ่มาบอกข่าวเรื่องจะมีโจรผ่านมาทางหมู่บ้านให้ทุกคนระวังตัว ตอนค่ำมีตำรวจมาลาดตระเวน ครั้งตกดึกก็มีการยิงปะทะกัน หลังจากเสียงปืนสงบ เข้มมาขอพักที่บ้านครูใหญ่ เพราะมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ เข้มขอให้หนูตุ่นทำแผลให้ที่แขน พร้อมเล่าเรื่องโจรให้ฟัง ก่อนจะขอให้ครูใหญ่ให้ความร่วมมือหากพบสมุนโจรที่กลับใจส่งข่าวให้ตำรวจซึ่งยังกบดานอยู่แถวนี้ เข้มมั่นใจว่ากลุ่มโจรจะต้องกลับมาอีก เพื่อตามล้างแค้นการีมสมุนโจรคนนั้น
รุ่งขึ้นตำรวจพานะพีมาส่ง นะพีจึงเล่าให้ฟังเรื่องสมุนโจรที่พบและให้เขานำข่าวมาบอกตำรวจ หลังจากเหตุการณ์สงบลง หนูตุ่นเริ่มงานสร้างส้วมโรงเรียนและได้ข่าวจะมีคนมาช่วย ซึ่งเป็นชาวบ้านแถบนี้ ชื่อมัยมูเนาะ เป็นลูกสาวกำนันชาวไทยอิสลาม ตกเย็นหลังเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน หนูตุ่น นะพี คอดีเยาะ ได้พบกับสมุนโจรถูกยิงบาดเจ็บ นะพีบอกว่าเขาชื่อการีม เป็นสมุนโจรที่ถูกตามล่า การีมของความช่วยเหลือจากหนูตุ่น และขออย่าให้บอกตำรวจเพราะเขาจะถูกกลุ่มโจรฆ่าตายก่อนที่ตำรวจจะพบ หนูตุ่นจำเป็นต้องช่วยเหลือการีมเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม และตั้งใจว่าจะแจ้งให้ตำรวจทราบในภายหลัง
สามวันต่อมาอาการของการีมดีขึ้น หนูตุ่นตั้งใจจะให้เขาเข้าหมู่บ้านและรับการรักษาจากอนามัย ซึ่งจะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านพรุ่งนี้เช้า การีมเล่าอดีตของเขาให้เธอฟัง ... เขาเป็นไทยพุทธชื่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักเรียนเตรียมอุดม มีเพื่อนสนิทชื่อสุไลมาน ซึ่งหน้าตาคล้ายกับเขามาก ต่อมาเขาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนได้ 2 ปี ทางบ้านเกิดปัญหาพ่อมีเมียน้อย แม่ตรอมใจตาย เขาจึงเลิกเรียนและได้พบกับสุไลมานที่ยะลา สุไลมานชวนให้เขามาทำงานด้วย แต่เมื่อเข้าไปทำงานด้วยแล้วจึงรู้ว่าสุไลมานเป็นโจร เพราะต้องการแก้แค้นให้พ่อที่ถูกฆ่าตาย ตอนแรกเขาก็เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อน แต่ต่อมาเพื่อนของเขาเปลี่ยนไปโหดร้ายขึ้น เขาจึงพยายามหนีแต่ก็ถูกตามจับได้ ภายหลังสุไลมานสลักชื่อสุไลมานไว้ที่ข้อมือของเขา เพื่อหลอกลวงให้เขาถูกฆ่าตาย ตำรวจจะได้เข้าใจว่าเป็นศพของสุไลมาน
ขณะที่เล่าเรื่องสุไลมานกับพวกตามมาพบ และจับตัวการีมกับหนูตุ่นไป ส่วนนะพีหลบอยู่ใต้แคร่จึงลอดไปได้ สุไลมานจะฆ่าการีมกับหนูตุ่นที่ชายน้ำ การีมให้เธอดำน้ำหนีไป พอดีกับที่ตำรวจล้อมจับและช่วยศุภราไว้ได้ หลังจากเหตุการณ์สงบ เข้มต่อว่าหนูตุ่นเรื่องทำเกินหน้าที่ให้ความช่วยเหลือสมุนโจร จึงทำให้เหตุการณ์ต่างๆเลวร้ายลง กว่าจะฆ่าหัวหน้าโจรสุไลมานลงได้ เข้มต้องเสียตำรวจไปถึง 3 คน ครอบครัวลูกเมียของตำรวจเหล่านั้นต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดหัวหน้าครอบครัว หนูตุ่นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเจ็บใจที่เข้มต่อว่าเธออย่างรุนแรง แต่เธอมิได้รู้ว่าหลังจากเข้มส่งเธอถึงหมู่บ้านแล้ว ก็ยังเฝ้าดูอยู่อย่างห่วงใย ขณะที่นางหะวอจัดการอาบน้ำทำความสะอาดให้เธอ
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 3 วัน ศุภราเตรียมเก็บของเพราะคิดว่าตำรวจจะต้องรายงานให้หัวหน้าศูนย์ฯทราบถึงการกระทำของเธอ และคงจะต้องถูกคำสั่งย้ายอย่างแน่นอน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ศุภราจึงทำงานของเธอต่อไป โดยมีมัยมูเนาะ ครูคนใหม่เป็นผู้ช่วย วีรุทย์มาเยี่ยมเธอและเล่าถึงเหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ลงเรื่องสมุนโจรกลับใจเข้ามอบตัวและเข้มได้รับการเลื่อนยศจากการปราบปรามโจร ศุภราจึงได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือการีมยังไม่ตาย โดยไม่มีใครกล่าวถึงแม้แต่วีรุทย์ก็ยังไม่รู้ ตัวเขาชอบพอมูเนาะ จึงไปมาหาสู่งปุลากงบ่อยขึ้น
ศักดิ์สิทธิ์กลับมาขออยู่ที่ปุลากง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านครูใหญ่เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวบ้าน เพราะเคยช่วยเด็กหญิงที่ถูกโจรจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อยากลับไปหาพ่อที่ภูเก็ตจึงขออาศัยอยู่ที่หมู่บ้านป่าลีซึ่งเป็นไทยพุทธ เข้มได้พบกับวีรุทย์และมูเนาะ จึงได้รู้เรื่องความเป็นไปที่ปุลากง เรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากพบพ่อที่ภูเก็ตแล้ว แม้พ่อจะยกมรดกให้ แต่เขากลับปฏิเสธและขอกลับมาอยู่ที่ปุลากง โดยทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสอนภาษาไทยให้กับชาวบ้าน ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ชวนศุภราไปภูเก็ต และอยากให้อยู่สอนหนังสือที่ภูเก็ต เข้มถึงกับรีบเข้าปุลากงทันที โดยที่เข้มเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองว่าเพราะเหตุใดจะต้องสบายใจเมื่อรู้ว่า วีรุทย์มิได้เป็นคนรักของศุภรา อย่างที่ใครๆเข้าใจกันมาโดยตลอด
เมื่อมาถึงปุลากง เข้มเตือนศุภราเรื่องให้ระวังศักดิ์สิทธิ์ และบอกให้เธอรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นรักเธอ ซึ่งเธอเองแม้จะปฏิเสธคำบอกเล่าของเข้ม แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาบอกเป็นความจริง คืนนั้นเข้มขอค้างที่บ้านครูใหญ่ด้วยเพราะเย็นมากแล้ว เข้มเป็นไข้ศุภราจึงนำยาและผ้าห่มมาให้ เขานึกถึงความรู้สึกที่มีต่อศุภรา แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อแม่ทำให้ความทุกข์ทางใจของแม่มีอิทธิพลเป็นแผลเกาะกินใจเขาตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลการกระทำอันคาดไม่ถึงของผู้ใหญ่
รุ่งเช้าวีรุทย์กลับมาเล่าถึงความสัมพันธ์ของตนกับมูเนาะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่คือเรื่องศาสนา และตัวเขาเองกำลังจะย้ายไปเป็นพัฒนากรในท้องถิ่นที่มี ผกค. ( ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ) จึงขอฝากให้ศุภราดูแลมูเนาะให้ ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากอำเภอส่งข่าวเรื่องทุนของนะพี และมอบบัตรเชิญร่วมงานชาวชมรมธรรมศาสตร์ปัตตานีให้ศุภรา เธอชวนศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมงานด้วย แต่เขากลับปฏิเสธ เมื่อวีรุทย์อ่านกำหนดการความรู้สึกของศักดิ์สิทธิ์จึงเหมือนหนามแหลมทิ่งแทงหัวใจ ถ้าเขามีสติสักนิดในวันนั้น คงไม่ต้องชอกช้ำเช่นนี้
ศักดิ์สิทธิ์ทวงถามเรื่องอยากให้ศุภราไปเที่ยวบ้านที่ภูเก็ต เพราะพ่อของเขาอยากพบเธอมาก เขาเล่าให้ท่านฟังถึงเรื่องความช่วยเหลือต่างๆที่เธอมีต่อเขาและให้กำลังใจเขาเสมอมา เธอจึงรับปากหากว่าวีรุทย์และมูเนาะจะไปด้วย ศักดิ์สิทธิ์ระบายความในใจที่มีต่อเธอออกมา เธอรู้ทั้งรู้ว่า ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาแต่งงานกับอดีตสมุนโจรสุไลมาน เด็กๆจัดงานเลี้ยงส่งนะพีที่จะได้เข้าไปเรียนในจังหวัด ขณะช่วยเด็กๆแล่เนื้อเพื่อย่าง ศุภราถูกตัวต่อกัด แต่เธอก็ยังคงสอนหนังสือตามปกติ จนเกิดอาการปวดกำเริบมากขึ้นจนเป็นไข้ ศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าที่พยาบาลอย่างห่วงใย จนรุ่งเช้าครูใหญ่จึงไปตามหมอพร้อมกับแขกติดตามมาด้วยคือเข้ม ซึ่งเมื่อเห็นศักดิ์สิทธิ์พยาบาลศุภราความไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้น และเขาก็ได้เห็นว่าชาวบ้านนั้นรักและห่วงใยศุภรามากแค่ไหน
ในวันงานหนูตุ่นได้พบกับเข้ม เขาถามถึงเรื่องไปภูเก็ตและบอกว่าไม่เหมาะสมไม่อยากให้เธอไป แต่เธอกลับมองว่าเข้มมองศักดิ์สิทธิ์ในแง่ร้ายเกินไป พร้อมว่าเข้มเรื่องการทำงานหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เป็นคนที่เคยมีเรื่องทรมานทางด้านความรู้สึกทำเพื่อชดเชยอะไรบางอย่าง คำพูดของเธอทำให้เข้มโกรธเพราะไปสะกิดแผลในใจของเขา
ศักดิ์สิทธิ์พาทุกคนมาแนะนำให้พ่อรู้จัก ศุภรา วีรุทย์ และมูเนาะได้รับการต้อนรับอย่างดี ศุภราพยายามพูดให้เขาอยู่ที่ภูเก็ต เพื่อครอบครัวเพราะเขาได้รับการต้อนรับอยางดีจากทุกคน และจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวต่อไป น้องต่างมารดาของเขานั้นพิการ ศักดิ์สิทธิ์จำยอมเพราะถึงอย่างไร่ ศุภราก็คงไม่ยอมใจอ่อนที่จะแต่งงานและอยู่กับเขาที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน
ศกรได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานลับร่วมกับตำรวจมาเลเซีย โดยทางราชการออกเป็นคำสั่งด่วนและกระจายข่าวว่า ศกรจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ ลูกน้องและชาวยะหริ่งต่างเสียดายกันมาก ก่อนรับคำสั่งเข้มรีบไปปุลากง เพื่อลาหนูตุ่น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหนูตุ่นยังไม่กลับจากภูเก็ต เขาเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของตนเองช้าไป เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกกับศุภราอีกก็ได้ เมื่อเธอกลับมาถึงปุลากงตอนเย็น จึงได้ทราบข่าวนี้จากครูใหญ่ว่าเข้มฝากมาลา ส่วนวีรุทย์ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครชุดคุ้มครองหมู่บ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสมัครไว้นานแล้วก่อนที่จะได้พบกับ
มูเนาะ จึงทำให้วีรุทย์จำเป็นต้องจากไปทั้งที่มีห่วง จึงเขียนจดหมายฝากมูเนาะและลูกในท้องไว้กับศุภรา พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานให้เรียบร้อย วีรุทย์จากไปเดือนกว่าๆ ระยะแรกก็มีจดหมายมาเสมอ แต่ระยะหลังๆ ข่าววีรุทย์หายไป มูเนาะทุกข์ใจมาก ครูใหญ่นำหนังสือพิมพ์เพื่อจะมาไว้ที่ห้องสมุดในศูนย์พัฒนาตำบลมาให้ศุภรา ทำให้ได้รู้ข่าววีรุทย์ตายจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่ลอบโจมตี มูเนาะเสียสติจากข่าวนั้น แต่ชาวบ้านทุกคนเข้าใจว่าถูกผีเข้า จึงนำตาเฒ่ามารักษาตามความเชื่อของเขา แม้ศุภราจะพยายามอธิบาย ขอให้ส่งมูเนาะรักษาในโรงพยาบาลก็ไม่เป็นผล ในที่สุดมูเนาะก็เห็นภาพหลอนว่าวีรุทย์มาเรียกให้ตามไป จึงเดินลุยน้ำจนจมน้ำถึงแก่ความตายในที่สุด เป็นการจบปัญหาทั้งมวล
คอดีเยาะได้เข้ามาเรียนที่จังหวัด ส่วนศุภราอยู่ต่อจนครบ 2 ปีก็ถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพฯ ชาวปุลากงต่างรักและอาลัยเธอเป็นอย่างมาก
หนูตุ่นเข้ามารับตำแหน่งใหม่ในกองวิชาการ มีจิตรีเพื่อนสนิทเป็นผู้จัดการเรื่องบ้านจนเรียบร้อย คุณปุ้มแวะมาเยี่ยมเธอและถามถึงเข้ม เนื่องจากเห็นว่าอยู่ภาคใต้เหมือนกัน หนูตุ่นจึงได้รู้ว่าเข้มยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯตามที่ทราบมา เพราะทางบ้านก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆมาปีกว่าแล้ว รู้เพียงว่ายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีเงินเดือนส่งมาให้ทุกเดือน หนูตุ่นได้รับคำชวนจากเพื่อนให้ไปเยี่ยมอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ จึงได้รู้ว่าเข้ม ( พันตำรวจตรีศกร ) บาดเจ็บสาหัส มาจากหน่วยปฏิบัติการร่วมพิเศษที่ชายแดนภาคใต้ และผู้เจ็บไม่ประสงค์จะแจ้งให้ทางบ้านทราบ หนูตุ่นมาเยี่ยมเข้มหลายครั้งแต่เขาหลับ จึงฝากบอกวิมลพยาบาลพิเศษไว้ อีกสองอาทิตย์เข้มอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ วิมลตามกลับไปพยาบาลดูแลถึงบ้าน เมื่อหนูตุ่นกลับจากราชการต่างจังหวัด เข้มก็มาหาถามเรื่องไปภูเก็ตกับศักดิ์สิทธิ์ และบอกเธอว่าเขาไปราชการลับ แต่ไม่พบจึงไม่ได้พบกันเลยเป็นปี เข้มชวนหนูตุ่นไปทานข้าวที่บ้าน ได้พบวิมลซึ่งอาสาทำอาหารกับมารดาของเข้มอย่างสนิทสนม หนูตุ่นจึงตั้งใจจะไม่ไปทานข้าวที่บ้านของเขาอีก
ศุภราเล่าเรื่องความในใจที่มีต่อเข้มให้จิตรีฟัง และพยายามกลับ้านค่ำโดยแวะกินข้าวกับจิตรี แต่เธอก็ทราบความเป็นไปของเข้มเพราะพบกับคุณปุ้มทุกเช้า คุณปุ้มว่าเข้มจะแต่งงานกับวิมล เพราะเห็นปรึกษากับคุณพ่อเรื่องแบ่งโฉนดที่ดิน โดยคุณพ่อจะปลูกบ้านให้ แต่เข้มปฏิเสธเพราะยังไม่ได้ปรึกษากับคู่รัก คุณพ่อจะซื้อแหวนหมั้นให้ก็ไม่เอา จะซื้อเองเป็นแหวนเพชรวงเล็กๆ ต่อมาก็เล่าว่าวิมลจะไปเรียนต่อที่อเมริกา คงจะจะตามไปแต่งงานกันที่นั่น ศุภราเห็นว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องทำใจให้สงบ เพื่อนๆแนะนำให้เธอรับทุนไปต่างประเทศ แต่เธอก็ไม่ชอบ จึงขอออกต่างจังหวัดแทน
เข้มได้รับคำสั่งให้ไปราชการลับต่างประเทศ 1 เดือน ทั้งพี่และพ่อต่างสงสัยเรื่องงานแต่งงานของเข้ม นางแพงศรีจึงถาม เข้มบอกว่าหลังจากกลับจากราชการแล้วเขาจะออกต่างจัดหวัดอีก อยากให้แม่ไปด้วย แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าทำไม่ได้ และขอให้เข้มนึกถึงบุญคุณของพ่อทำให้เข้มนึกถึงความหลังที่เป็นความทรมานฝังลึกในใจของเขาเสมอมา เมื่อแม่ถามย้ำเรื่องการแต่งงาน เข้มจึงบอกความรู้สึกที่มีต่อหนูตุ่น แม่จึงบอกให้เขาจัดการเรื่องหัวใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะสายเกินไป เข้มรู้จากคุณปุ้มว่าหนูตุ่นไปอบรมพัฒนาการที่ปัตตานี 3 เดือน จึงลางานและเดินทางไปหาเธอเพื่อบอกความในใจก่อนที่จะเดินทางไปต่าประเทศ ขณะอยู่บนรถไฟ เข้มยังนึกถึงคำพูดของบิดาก่อนจากมาว่าท่านต้องการให้เข้มย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้สะดวกสบายซึ่งใครก็อยากได้แต่เขาปฏิเสธเสมอมา ทำให้พ่อไม่เข้าใจและว่าเข้มทำตัวเป็นนักกินอุดมคติ ทั้งที่ได้ตามอุดมคติของตนเองมานานพอสมควรแล้ว และหากเข้มไม่เชื่อฟังจะไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆก็จะไม่ยอมให้เอาแม่ไปด้วย
เมื่อถึงปัตตานีเข้มพบเพื่อน ซึ่งอาสาให้ขอยืมรถใช้ เข้มรู้จากศูนย์พัฒนาว่า วันหยุดศุภราจะไปอยู่ที่ปุลากง เขาจึงรีบตามไปพบเธอที่นั่น สร้างความประหลาดใจให้กับเธอยิ่งนัก เข้มบอกว่ามาลา และมีธุระจะคุยด้วย ขอให้ศุภราเข้าเมืองไปด้วยกัน ระหว่างทางรถเกิดเสีย และเป็นเวลามืดแล้ว ศุภราเห็นกลุ่มคนเดินมาทั้งสองจึงทิ้งรถและหลบเข้าป่าข้างทาง คนกลุ่มนั้นยิงรถหลายนัดก่อนจะออกค้นหาคน แต่ไม่พบจึงเดินจากไป เข้มและศุภราจึงหลบอยู่ที่นั่น เขาบอกความในใจของตนต่อศุภราและขอเธอแต่งงานด้วย โดยที่ทั้งสองตั้งใจจะทำงานเพื่ออุดมคติ อย่างน้อยชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเป็นคน ก็ได้ทำประโยชน์เพื่อเพื่อนร่วมชาติร่วมโลกที่ใฝ่หาสันติและเสรีภาพ แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่รู้จักของใครก็ตาม ...
วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)