About Me !

รูปภาพของฉัน
เพชรบุรี, กลาง, Thailand
16 ณภัทร์กมล > FeronZo** <

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

บางเรื่อง..ก็พูดยาก
บางอย่าง..อยากทำแต่ทำไม่ได้
บางสิ่ง..แปลกไป
เฮอะๆ เรื่องหนักใจมีมากมายช่วงนี้ รู้สึกว่าซวยเหลือล้น
จะสอบอะไรหนักหนา ..==' เซ็งๆๆๆๆๆๆๆๆ

นาฬิกาเรือนละ 89,900,000 บาท!!!!


เอาภาพนาฬิกาที่แสนสุดจะแพงมาให้ดูกันค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

โฮก!! เหนื่อยจังเว้ยย
การบ้านเยอะแยะไปหมด เซ็งๆๆๆ
ทำไม่ทันอ่า
เฮ็ออออ เบื่อแล้วไม่อยากเรียนอ่ะ แงๆ ทำไมกีฬาสีไม่มีซักสองเดือนอ่ะ
เซ็งๆๆๆ

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

จบกีฬาสี ทีนี้ก็ซวยการสอบคงหลั่งไหลเข้ามาแน่นอน แค่คิดก็ โฮกกก ไม่อยากเล๊ยยยย
แต่ก็นะ ชีวิตเด็กก็ต้องเรียนๆๆๆๆๆๆ เข้าไป
รอปิดเทอมจะแย่แล้ว อยากมากมายเพราะไม่ต้องเรียนแต่เรียนพิเศษ
ไงๆก็สะบายกว่าเห็นๆ
ห้าๆๆ

เคล็ดลับ 13 ประการ เพื่อ การเรียน อย่างมี ประสิทธภาพ เริ่มมีบอกการเรียนมาหรือไม่

1. รับผิดชอบ - รับผิดชอบตนเอง ไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ เป็นผู้ชนะจากความสามารถของตน
2. เริ่มต้นดี - ช่วงเดือนแรกในรั้วมหาวิทยาลัย ถือเป็นช่วงวิกฤตของน้องใหม่ หากเริ่มต้นดี ความสำเร็วจะไม่อยู่ไกลเกินเอื้อม
3. กำหนดเป้าหมายในการเรียนอย่างแน่วแน่ - กำหนดเป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทุ่มเทความพยายามให้บรรลุเป้าหมายนั้น
4. วางแผน และจัดการ - มีการวางแผน จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมที่ต้องทำ หากทำตารางเวลาเป็นรายสัปดาห์ได้ยิ่งดี

5. มีวินัยต่อตนเอง - เมื่อกำหนดเป้าหมาย วางแผน และจัดการ ตามข้อ 4 และ 5 แล้วต้องสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะมีวินัย และปฏิบัติตาม
6. อย่าล้าสมัย - วิทยาการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การค้นคว้าหาความรู้ ต้องอิงกับข้อมูลที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์
7. ฝึกฝนตนเองให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ - ศึกษาข้อเสนอแนะในคู่มือเล่มนี้ และฝึกทักษะการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ติดตัวตลอดไป
8. เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่ชั้นเรียน - เตรียมตัวเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแข็งขัน หากเป็นไปได้เตรียมอ่านเอกสารที่จะเรียนมาก่อนเข้าห้องเรียน
9. มุ่งมั้น จดจ่อต่อบทเรียน - มีสมาธิ สนใจ ตั้งใจ เวลาอาจารย์สอน ไม่เข้าเรียนเพื่อพูดคุยกัน ซังกะตาม รอเวลาเลิกชั้น
10. เป็นตัวของตัวเอง - รู้จักคิดและทำ ด้วยความสามารถของตนเองคิดเสมอว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพสูง
11. มีความกระตือรือล้น - ความสำเร็จเป็นของผู้ที่มีความริเริ่ม เป็นฝ่ายรุกที่จะมุ่งหน้า และคว้าความสำเร็จเป็นของตน
12. มีสุขภาพดี - อย่าลืมใส่ใจต่อสุขภาพร่างกาย กิจกรรมนันทนาการ และกิจกรรมสังคม วางแผนจัดเวลาต่อสิ่งเหล่านี้ให้พอเหมาะ
13. เรียนอย่างมีความสุข - พยายามเก็บเกี่ยวความน่าสนใจในบทเรียน คิดเสมอว่าทุกวิชาน่าเรียนรู้ น่าสนุกทั้งนั้น แล้วท่านจะพบว่า เราก็เรียนอย่างมีความสุขได้

ที่มา : http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=484374&chapter=1

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

ลา ลัล ลา โฮก แดดร้อนจังวันนี้ แต่ฝนไม่ตกไม่งั้นจะได้เห็นนักบาสลื่นกลางสนามอีก ฮาดี อิอิ

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

วันนี้เชียร์กีฬาสี สนุกมาก กรี๊ด จนแสบ คอ ห้าๆๆ

Diary Online

วันนี้เชียร์กีฬาสีสนุกมาก กรี๊ด จนแสบคอ ห้าๆๆๆ

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

อ๊ากพรุ่งนี้กีฬาสีแล้ว ไชโยๆๆๆ
สัปดาห์แห่งการพักผ่อน วันนี้นอนทั้งวัน มีความสุขจริงๆ
อิอิ

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

วันนี้ดีใจมีคาบว่างตั้งสองคาบคุณครูไม่อยู่ ดีใจจังกีฬาสีจะมาถึงแล้วอยากพักผ่อนไม่มีการบ้านซักอาทิตย์(เอ๊ะ หรือมี)คงจะดี

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Diary Online

วันนี้การบ้านเยอะมาก
ทำไม่ทันเลยจริงๆ
แต่ดีใจที่จะใกล้ๆกีฬาสีแล้ว
ตื่นเต้นมากๆ

อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว


อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว

- ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือ ควรจะเป็นช่วงที่ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า บรรยากาศรอบตัวก็สดใส ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปค่ะ แต่งตัวสบายๆ ไม่อึดอัด และไม่ควรฝืนอ่านหนังสือขณะที่กำลังเครียดหรืออารมณ์ไม่ดีนะคะ เพราะจะเป็นช่วงที่ไม่มีสมาธิและทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่เกิดประโยชน์จากการอ่านอย่างเต็มที่ ดังนั้น ช่วงเวลาที่ควรอ่านหนังสือควรเป็นช่วงที่ร่างกายและจิตใจของน้องๆผ่อนคลาย หรืออ่านในวันหยุดสบายๆ ที่ไม่ได้มีนัดหรือรีบไปที่ไหนค่ะ
อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว
- อย่าอ่านเมื่อรู้สึกหิว (กินให้อิ่มก่อนดีกว่านะ) เพราะจะทำให้ไม่มีสมาธิ (ท้องก็ร้อง) แถมยังไม่มีพลังงานให้สมอง และไม่ควรอ่านหนังสือหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหาร ถ้าเกิดไปอ่านหนังสือตอนนั้น เลือดจะขึ้นไปเลี้ยงสมองมาก จนทำให้กระเพาะย่อยอาหารได้ไม่ดี อาจท้องอืดท้องเฟ้อได้นะคะ!!

อ่านหนังสืออย่างไร ให้เข้าหัว
- ท่านั่งที่ถูกต้องสำหรับการอ่าน คือ นั่งหลังตรงและไม่เกร็งเกินไป ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนที่พอเหมาะกับร่างกาย เก้าอี้ที่นุ่มเกินไปหรือแข็งเกินไปจะทำให้นั่งไม่สะดวก และทำให้อ่านไม่ได้นาน
- ควรถือหนังสือให้ห่างจากดวงตาไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร (ประมาณ 1 ไม้บรรทัด)และไม่ควรนอนอ่านหนังสือนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้เมื่อยแขนมากกว่าปกติแล้ว สายตายังต้องปรับระดับมากอีกด้วย สายตาจะเสียเอานะคะ

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กินผักบำรุงสายตา อ่านหนังสือฉลุย!!!


กินผักบำรุงสายตา
อ่านหนังสือฉลุย!!!


อาหารที่บำรุงสายตา จะมีส่วนประกอบของวิตามินเอ(Vitamiv A) เป็นส่วนสำคัญค่ะ เนื่องจากวิตามินเอนั้น จะช่วยในการแปรพลังงานแสงที่ได้รับให้เป็นสัญญาณสู่ระบบประสาท ถ้าหากขาดไปการรับภาพของจอตาอาจจะเสื่อมลงได้ แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอมากนอกจากจะอยู่อาหารประเภทสัตว์ เช่น ตับ,ไข่แดงหรือนม แล้ว ก็จะมีอยู่ในพืชมีเขียว สีแสด หรือสีเหลือง (สีสวยๆทั้งนั้นเลย) เช่น

กินผักบำรุงสายตา อ่านหนังสือฉลุย!!!
1.ผักบุ้ง มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา ทำให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยง เป็นประกายสวยงาม ไม่แสบ หรือ รู้สึกแห้งในตา เมนูเด็ดๆ ก็คือ ผักบุ้งไฟแดง ลวกจิ้มน้ำพริก หรือกินสดๆก็ได้ค่ะ
2.ตำลึง เป็นไม้เลื้อยที่แต่ก่อนมักปลูกตามรั้วบ้าน ตำลึงเป็นผักที่มีรสหวาน กลิ่นหอม อุดมไปด้วยวิตามินเอ เมนูยอดนิยมก็ต้องแกงจืดตำลึง หรือเอาชุบแป้งทอดก็ได้นะคะ
3.แครอต เป็นผักที่ขึ้นชื่อเรื่องบำรุงสายตา และว่ากันว่าจำเป็นถึงขนาดที่นักบินอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กินเพื่อช่วยใช้ในการโจมตีข้าศึกตอนกลางคืน ทำให้โจมตีเป้าหมายได้แม่นยำ(โอ้โฮ สุดยอดเลยค่ะ) เมนูแครอทก็มีมากมาย ต้ม ผัด แกง ทอด หรือจะเอาไปทำเป็นน้ำแครอทก็ยังได้ เยี่ยมจริงๆ
4. ฟักทอง กินได้ทั้งยอดอ่อน ดอกตูม ลูกฟักทองอ่อน และเนื้อฟักทองแก่ มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส สามารถนำมาทำได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เช่น ผัดฟักทอง แกงขียวหวานฟักทอง หรือฟักทองบวดฟักทอง พายฟักทอง เป็นต้น


Diary Online

วันนี้ทำการบ้านชีวะยากมาก
เฮ้อ!! การบ้านเยอะมากเสาร์-อาทิตย์นี้

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552


สัญญาณเตือนจาก "เล็บ"
อย่าคิดว่าเล็บไม่มีความสำคัญ เห็นเป็นแค่ส่วนเกินของนิ้วมือเท่านั้น
เล็บมีส่วนประกอบหลักของสารโปรตีนประเภท "เคราติน" (Keratin) ในคนที่มีสุขภาพปกติ เล็บจะมีสีชมพูอ่อนๆ เสมอกัน เนื้อเล็บแข็ง เรียบ ลื่น แต่ถ้าเล็บเริ่มมีรูปร่างหรือสีแปลกไป อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า อาจเกิดความผิดปกติหรือโรคภัยบางอย่าง
ในคอลัมน์สุขภาพ "Happy health" นิตยสาร "BE" ฉบับล่าสุด แนะวิธีสังเกตเล็บมือดังนี้
1.เล็บมีลักษณะสีขาวเป็นแผ่นตรงกลาง อาจมีความผิดปกติกับตับ หรือมีโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของตับผิดปกติ
2.เล็บมีลักษณะหนากว้าง โค้งมนตามลักษณะของปลายนิ้วที่โตขึ้นและมีสีม่วงคล้ำลักษณะแบบนี้พบมากในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคตับ และโรคท้องเสียเรื้อรัง
3.เล็บมีลักษณะเป็นหลุม ขรุขระ ไม่เรียบเกลี้ยงเกลา อาจเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า สะเก็ดเงิน หรือเรื้อนกวาง เพราะลักษณะแบบนี้จะพบในผู้ป่วยโรคผิวหนังถึง 70%
4.เล็บมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนและบุ๋ม ลักษณะแบบนี้พบมากในคนที่ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งมักจะเป็นโรคโลหิตจาง
5.เล็บมีลักษณะเป็นสีเหลือง ถ้าพบลักษณะแบบนี้ในเล็บบนนิ้วมือที่ถนัด อาจเป็นเพราะสารนิโคตินที่มาจากบุหรี่เกาะบนเล็บที่ใช้คีบบุหรี่ ลักษณะนี้จะพบมากในผู้ป่วยโรคปอด
6.เล็บมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีม่วงที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกจะพบมากในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจอักเสบ โรคลิ้นหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดอักเสบ และโรคขาดวิตามินซี
7.เล็บมีลักษณะเป็นดอกหรือจุดขาวๆ หรือเป็นเสี้ยวพระจันทร์อาจขาดสารอาหารบางอย่างที่ทำให้เซลล์สร้างเล็บได้ไม่สมบูรณ์ หรือกำลังมีปัญหาสุขภาพ อาจจะมีโรคภายในที่ทำให้เจ็บป่วยหนักขึ้น
8.เล็บมีลักษณะสีดำ ส่วนมากพบในคนที่ขาดวิตามินบี 12 และในผู้ป่วยโรคลำไส้ผิดปกติ อาจมีจุดดำๆ เกิดขึ้นตามเนื้อเยื่อของลำไส้เยื่อบุปากและริมฝีปาก
ต่อไปเวลาตัดเล็บ อย่าลืมสังเกตความผิดปกติของสีเล็บด้วยทุกครั้ง ถ้าพบความผิดปกติดังที่กล่าว ปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด
ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เป็นแล้วแก้จะแย่ทีหลัง

ที่มา:http://webboard.yenta4.com/topic/329756

Diary

วันนี้เรียนคอมพิวเตอร์ บางทีก็รู้สึกไม่ดีเลย เวลาที่ส่งงานช้า หรือ ทำงานไม่ถูกต้องตามคำสั่ง
แต่เราก็ควรจะพยายามปรับตัวให้มากๆ เฮ้อ!!
เมื่อวานก็ไม่ได้ไปโรงเรียน ไปส่งเพื่อนไป AFS ที่ America กลับมาทำการบ้านจนถึงเที่ยงคืนวันนี้เลยรู้สึก ง่วงๆ คิดถึงเพื่อนกวา เหมือนกันนะ แต่ก็เพื่อนไปสู่อนาคตที่ดี
เฟิร์น ณภัทร์กมล

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันแม่

แม่จ๋า "หนูรักแม่..."
แล้วคุณล่ะบอกรักแม่หรือยัง?